24 ธันวาคม 2558

สาระน่ารู้ 10ประเทศอาเซียน

ประเทศอาเซียน 10 ประเทศ

Asean-AEC-flag


ชมวิดีทัศน์ค่ะ


ปัจจุบันประเทศในอาเซียน มีอยู่ 10 ประเทศ โดยมีข้อมูลของแต่ละประเทศดังนี้


1.ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม (Brunei Darussalam)
เมืองหลวง : บันดาร์ เสรี เบกาวัน
ภาษา : ภาษามาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็นอังกฤษและจีน
ประชากร : ประกอบด้วย มาเลย์ 66%, จีน11%,อื่นๆ 23%
นับถือศาสนา : อิสลาม 67%, พุทธ 13%, คริสต์ 10%
ระบบการปกครอง : ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
จุดแข็ง
– การเมืองค่อนข้างมั่นคง
– รายได้เฉลี่ยต่อคนเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน อันดับ 26 ของโลก
– ผู้ส่งออกและมีปริมาณสำรองน้ำมันอันดับ 4 ในอาเซียน
ข้อควรรู้
– ประชาชนของประเทศในกลุ่มอาเซียนสามารถทำวีซ่าที่ ตม.ที่ประเทศบรูไนฯ สามารถอยู่ได้นาน 2 สัปดาห์
– ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าสีเหลือง เพราะถือเป็นสีของพระมหากษัตริย์
– การทักทายจะจับมือกันเบาๆ และสตรีจะไม่ยื่นมือให้บุรุษจับ
– การใช้นิ้วชี้ไปที่คนหรือสิ่งของถือว่าไม่สุภาพ แต่จะใช้หัวแม่มือชี้แทน
– จะไม่ใช้มือซ้ายในการส่งของให้ผู้อื่น
– สตรีเวลานั่งจะไม่ให้เท้าชี้ไปทางผู้ชายและไม่ส่งเสียงหรือหัวเราะดัง
– วันหยุดคือวันศุกร์และวันอาทิตย์, วันศุกร์ 12.00-14.00 น.ทุกร้านจะปิด
– จัดงานเย็นต้องจัดหลัง 2 ทุ่ม


2.ประเทศกัมพูชา (Cambodia)
เมืองหลวง : กรุงพนมเปญ
ภาษา : ภาษาเขมร เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็นอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เวียดนามและจีน
ประชากร : ประกอบด้วย ชาวเขมร 94%, จีน 4%,อื่นๆ 2%
นับถือศาสนา : พุทธ(เถรวาท) เป็นหลัก
ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยมีพระมหากษัตย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ
จุดแข็ง
– ค่าจ้างแรงงานต่ำที่สุดในอาเซียน
– มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายและสมบูรณ์
ข้อควรรู้
– ผู้ที่เดินทางเข้ากัมพูชา และประสงค์จะอยู่ทำธุรกิจเป็นระยะเวลาเกิน 3 เดือน ควรฉีดยาป้องกันโรคไทฟอยด์ และไวรัสเอและบี
– เพื่อนผู้ชายจับมือกัน ถือเป็นเรื่องปกติ
– ผู้หญิงห้ามแต่งตัวเซ็กซี่, ผู้ชายไว้ผมยาวจะมีภาพลักษณ์ นักเลง
– ห้ามจับศีรษะ คนกัมพูชาถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดของร่างกาย
– สบตามากเกินไป ถือว่าไม่ให้เกียรติ


3.ประเทศอินโดนีเซีย (Indonesia)
เมืองหลวง : จาการ์ตา
ภาษา : ภาษาอินโดนีเซีย เป็นภาษาราชการ
ประชากร : ประกอบด้วย ชนพื้นเมืองหลายกลุ่ม มีภาษามากกว่า 583 ภาษา ร้อยละ 61 อาศัยอยู่บนเกาะชวา
นับถือศาสนา : อิสลาม 87%, คริสต์ 10%
ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยที่มีประธานาธิปดีเป็นประมุข และหัวหน้าฝ่ายบริหาร
จุดแข็ง
– มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
– มีจำนวนประชากรมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ข้อควรรู้
– ไม่ควรใช้มือซ้ายในการรับ-ส่งของ คนมุสลิมอินโดนีเซียถือว่ามือซ้ายไม่สุภาพ
– นิยมใช้มือกินข้าว
– ไม่ควรชี้นิ้วด้วยนิ้วชี้ แต่ใช้นิ้วโป้งแทน
– ไม่จับศีรษะคนอินโดนีเซียรวมทั้งการลูบศีรษะเด็ก
– การครอบครองยาเสพติด อาวุธ หนังสือรูปภาพอนาจาร มีบทลงโทษหนัก อาทิ การนำเข้าและครอบครองยาเสพติดมีโทษถึงประหารชีวิต
– บทลงโทษรุนแรงเกี่ยวกับการค้าและส่งออกพืชและสัตว์กว่า 200 ชนิด จึงควรตรวจสอบก่อนซื้อหรือนำพืชและสัตว์ออกนอกประเทศ
– มอเตอร์ไซค์รับจ้างมีมิเตอร์
– งานศพใส่ชุดสีอะไรก็ได้


4.ประเทศลาว (Laos)
เมืองหลวง : นครหลวงเวียงจันทร์
ภาษา : ภาษาลาว เป็นภาษาราชการ
ประชากร : ประกอบด้วย ชาวลาวลุ่ม 68%, ลาวเทิง 22%, ลาวสูง 9% รวมประมาณ 68 ชนเผ่า
นับถือศาสนา : 75% นับถือพุทธ, นับถือผี 16%
ระบบการปกครอง : สังคมนิยมคอมมิวนิสต์ (ทางการลาวใช้คำว่า ระบบประชาธิปไตยประชาชน)
จุดแข็ง
– ค่าจ้างแรงงานต่ำอันดับ 2 ในอาเซียน
– การเมืองมีเสถียรภาพ
ข้อควรรู้
– ลาว มีตัวอักษรคล้ายของไทย ทำให้คนไทยอ่านหนังสือลาวได้ไม่ยากนัก ส่วนคนลาวอ่านหนังสือไทยได้คล่องมาก
– ลาวขับรถทางขวา
– ติดต่อราชการต้องนุ่งซิ่น
– เดินผ่านผู้ใหญ่ ต้องก้มหัว
– ถ้าเพื่อนคนลาวเชิญไปพักที่บ้านห้ามให้เงิน
– อย่าซื้อน้ำหอมให้กัน
– ที่ถูกต้องคนลาวที่ให้พัก ต้องแจ้งผู้ใหญ่บ้าน
– เข้าบ้านต้องถอดรองเท้า และถ้าเขาเสิร์ฟน้ำต้องดื่ม


5.ประเทศมาเลเซีย (Malaysia)
เมืองหลวง : กรุงกัวลาลัมเปอร์
ภาษา : ภาษามาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็นอังกฤษและจีน
ประชากร : ประกอบด้วย มาเลย์ 40%, จีน33%, อินเดีย 10%, ชนพื้นเมืองเกาะบอร์เนียว 10%
นับถือศาสนา : อิสลาม 60%, พุทธ 19%, คริสต์ 11%
ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา
จุดแข็ง
– มีปริมาณสำรองน้ำมันมากเป็นอันดับ 3 ในเอเชียแปซิฟิค
– มีปริาณก๊าซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 2 ในเอเชียแปซิฟิค
ข้อควรรู้
– ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามจะได้รับสิทธิพิเศษ คือ เงินอุดหนุนทางด้านการศึกษา สาธารณสุข การคลอดบุตรงานแต่งงานและงานศพ
– มาเลเซียมีปัญหาประชากรหลากหลายเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ในมาเลเซียประกอบด้วยชาวมาเลย์ กว่าร้อยละ 40 ที่เหลืออีกกว่าร้อยละ 33 เป็นชาวจีนร้อยละ10 เป็นชาวอินเดีย และ อีกร้อยละ 10 เป็นชนพื้นเมืองบนเกาะบอร์เนียว
– ใช้มือขวาเพียงข้างเดียวในการรับประทานอาหาร และรับส่งของ
– เครื่องดื่มแอลกฮอล์เป็นเรื่องต้องห้าม




6.ประเทศเมียนมาร์ หรือพม่า (Myanmar)
เมืองหลวง : เนปีดอ (Naypyidaw)
ภาษา : ภาษาพม่า เป็นภาษาราชการ
ประชากร : ประกอบด้วยเผ่าพันธุ์ 135 มี 8 เชื้อชาติหลักๆ 8 กลุ่ม คือ พม่า 68%, ไทยใหญ่ 8%, กระเหรี่ยง 7%, ยะไข่ 4% จีน 3% มอญ 2% อินเดีย 2%
นับถือศาสนา : นับถือพุทธ 90%, คริสต์ 5% อิสลาม 3.8%
ระบบการปกครอง : เผด็จการทางทหาร ปกครองโดยรัฐบาลทหารภายใต้สภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ
จุดแข็ง
– มีพรมแดนเชื่อมต่อกับจีน และอินเดีย
– ค่าจ้างแรงงานต่ำเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน
– มีปริมาณก๊าซธรรมชาติเป็นจำนวนมาก
ข้อควรรู้
– ไม่ควรพูดเรื่องการเมือง กับคนไม่คุ้นเคย
– เข้าวัดต้องถอดรองเท้า ถุงเท้า
– ห้ามเหยียบเงาพระสงฆ์
– ให้นามบัตรต้องยื่นให้สองมือ
– ไม่ควรใส่กระโปรงสั้น กางเกงขาสั้น ในสถานที่สาธารณะและศาสนสถาน
– ผู้หญิงชอบทาทะนาคา (ผู้ชายก็ทาด้วย) ผู้ชายชอบเคี้ยวหมาก


7.ประเทศฟิลิปปินส์ (Philippines)
เมืองหลวง : กรุงมะนิลา
ภาษา : ภาษาฟิลิปิโน และภาษาอังกฤษ เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็น สเปน, จีนฮกเกี้ยน, จีนแต้จิ๋ว ฟิลิปปินส์ มีภาษาประจำชาติคือ ภาษาตากาล็อก
ประชากร : ประกอบด้วย มาเลย์ 40%, จีน33%, อินเดีย 10%, ชนพื้นเมืองเกาะบอร์เนียว 10%
นับถือศาสนา : คริสต์โรมันคาทอลิก 83% คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์, อิสลาม 5%
ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยแบบประธานาธิปดีเป็นประมุขและหัวหน้าฝ่ายบริหาร
จุดแข็ง
– แรงงานทั่วไป ก็มีความรู้สื่อสารภาษาอังกฤษได้
ข้อควรรู้
– การเข้าไปประกอบธุรกิจในฟิลิปปินส์ในลักษณะต่างๆ เช่น การลงทุนร่วมกับฝ่ายฟิลิปปินส์จำเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูลให้ละเอียด โดยเฉพาะในด้านกฎหมาย การจดทะเบียนภาษี และปัญหาทางด้านแรงงาน เป็นต้น
– เท้าสะเอว หมายถึง ท้าทาย, เลิกคิ้ว หมายถึง ทักทาย
– ใช้ปากชี้ของ
– กินข้าวบ้านเพื่อนสามารถห่อกลับได้ แต่ควรมีของฝากให้เขาด้วย
– ตกแต่งบ้าน 2 เดือน ต้อนรับคริสต์มาส


8.ประเทศสิงคโปร์ (Singapore)
เมืองหลวง : สิงคโปร์
ภาษา : ภาษามาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาคือจีนกลาง ส่งเสริมให้พูดได้ 2 ภาษาคือ จีนกลาง และให้ใช้อังกฤษ เพื่อติดต่องานและชีวิตประจำวัน
ประชากร : ประกอบด้วยชาวจีน 76.5%, มาเลย์ 13.8%, อินเดีย 8.1%
นับถือศาสนา : พุทธ 42.5%, อิสลาม 14.9%, คริสต์ 14.5%, ฮินดู 4%, ไม่นับถือศาสนา 25%
ระบบการปกครอง : สาธารณรัฐ (ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีสภาเดียว) โดยมีประธานาธิปดีเป็นประมุข และนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร
จุดแข็ง
– รายได้เฉลี่ยต่อคน เป็นอันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับ 15 ของโลก
– แรงงานมีทักษะสูง
ข้อควรรู้
– หน่วยราชการเปิดทำการวันจันทร์ – ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 น.-13.00 น. และ 14.00 น. – 16.30 น. และวันเสาร์ เปิดทำการระหว่างเวลา 08.00 น. – 13.00 น.
– การหลบหนีเข้าสิงคโปร์และประกอบอาชีพเร่ขายบริการผิดกฎหมาย จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง
– การลักลอบนำยาเสพติด อาวุธปืนและสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ จะได้รับโทษอย่างรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต
– ขึ้นบันไดเลื่อนให้ชิดซ้าย
– ห้ามทิ้งขยะเรี่ยราด, ห้ามเก็บผลไม้ในที่สาธารณะ
– ผู้สูงอายุทำงาน ถือเป็นเรื่องปกติ


9.ประเทศเวียดนาม (Vietnam)
เมืองหลวง : กรุงฮานอย
ภาษา : ภาษาเวียดนาม เป็นภาษาราชการ
ประชากร : ประกอบด้วยชาวเวียด 80%, เขมร 10%
นับถือศาสนา : พุทธนิกายมหายาน 70%, คริสต์ 15%
ระบบการปกครอง : ระบบสังคมนิยม โดยพรรคคอมมิวนิสต์เป็นพรรคการเมืองเดียว
จุดแข็ง
– มีปริมาณสำรองน้ำมันดิบมากเป็นอันดับ 2 ในเอเชียแปซิฟิค
ข้อควรรู้
– หน่วยงานราชการ สำนักงาน และองค์กรให้บริการสาธารณสุข เปิดทำการระหว่างเวลา 08.00 น. – 16.30 น. ตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์
– เวียดนามไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพอาคารที่ทำการต่างๆ ของรัฐ
– คดียาเสพติดการฉ้อโกงหน่วยงานของรัฐมีโทษประหารชีวิต
– ตีกลองแทนออดเข้าเรียน
– ชุดนักเรียนหญิงเป็นชุดอ่าวหญ่าย
– คนภาคเหนือไม่ทานน้ำแข็ง
– ไม่ถ่ายรูป 3 คนอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าจะทำให้เบื่อกัน หรือแแยกกันหรือใครคนใดเสียชีวิต
– ต้องเชิญผู้ใหญ่ก่อนทานข้าว


10.ประเทศไทย (Thailand)
เมืองหลวง : กรุงเทพมหานคร
ภาษา : ภาษาไทย เป็นภาษาราชการ
ประชากร : ประกอบด้วยชาวไทยเป็นส่วนใหญ่
นับถือศาสนา : พุทธนิกายเถรวาท 95%, อิสลาม 4%
ระบบการปกครอง : ระบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
จุดแข็ง
– เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงคมนาคมด้านต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน
– มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง
ข้อควรรู้
– ไปศาสนสถานควรแต่งกายเรียบร้อย, ก่อนเข้าอุโบสถต้องถอดรองเท้า
– ห้ามพระสงฆ์สัมผัสสตรี
– สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสัการะ การละเมิดใดๆ ถือเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ
– ทักทายกันด้วยการไหว้
– ถือว่าเท้าเป็นของต่ำ ไม่ควรพาดบนโต๊ะ หรือเก้าอี้ หรือหันทิศทางไปที่ใคร
– ธงชาติถือเป็นของสูง ไม่ควรนำมากระทำการใดๆที่เป็นการเหยียดหยาม
– การแสดงออกทางเพศในที่สาธารณะ ยังไม่ได้รับการยอมรับในวัฒนธรรมไทย
เครดิต โดย www.thai-aec.com

12 ธันวาคม 2558

เรียนรู้อาเซียน



กำเนิดอาเซียน

       อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East AsianNations หรือ ASEAN) ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) ซึ่งได้มีการลงนามที่วังสราญรมย์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสมาชิกก่อตั้ง ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทยซึ่งผู้แทนทั้ง ประเทศ ประกอบด้วยนายอาดัม มาลิก (รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย) ตุน อับดุล ราชัก บิน ฮุสเซน (รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติมาเลเซีย) นายนาซิโซ รามอส (รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์) นายเอส ราชารัตนัม (รัฐมนตรีต่างประเทศสิงค์โปร์) และพันเอก (พิเศษ) ถนัด คอมันตร์ (รัฐมนตรีต่างประเทศไทย)
      ในเวลาต่อมาได้มีประเทศต่างๆ เข้าเป็นสมาชิกเพิ่มเติม ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม (เป็นสมาชิกเมื่อ 8ม.ค.2527) เวียดนาม (วันที่ 28 ก.ค. 2538) สปป.ลาว พม่า (วันที่ 23 ก.ค. 2540) และ กัมพูชา เข้าเป็นสมาชิกล่าสุด (วันที่ 30 เม.ย. 2542) ให้ปัจจุบันมีสมาชิกอาเซียนทั้งหมด 10 ประเทศ
      วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งอาเซียน คือ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างประเทศในภูมิภาค ธำรงไว้ซึ่งสันติภาพเสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมือง สร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรมการกินดีอยู่ดีของประชาชนบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิก
      สัญลักษณ์ของอาเซียน คือ รูปรวงข้าว สีเหลืองบนพื้นสีแดงล้อมรอบด้วยวงกลม สีขาวและสีน้ำเงิน
รวงข้าว 10 ต้น หมายถึง ประเทศสมาชิก 10 ประเทศ
สีเหลือง  หมายถึง  ความเจริญรุ่งเรือง 
สีแดง  หมายถึง  ความกล้าหาญและการมีพลวัติ
สีขาว  หมายถึง  ความบริสุทธิ์ 
สีน้ำเงิน  หมายถึง  สันติภาพและความมั่นคง


กฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter)
         ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 13 เมื่อปี 2550 ที่ประเทศสิงค์โปร์ ผู้นำอาเซียนได้ลงนามในกฎบัตร  อาเซียนซึ่งเปรียบเสมือนธรรมนูญของอาเซียนที่จะวางกรอบทางกฎหมายและโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอาเซียน ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน ภายในปี2558 (ค.ศ. 2015) ตามที่ผู้นำอาเซียนได้ตกลงกันไว้ โดยวัตถุประสงค์ของกฎบัตรอาเซียน คือ ทำให้อาเซียนเป็นองค์การที่มีประสิทธิภาพ มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเคารพกฎกติกาในการทำงานมากขึ้น นอกจากนี้ กฎบัตรจะให้สถานะนิติบุคคลแก่อาเซียนเป็นองค์กรระหว่างรัฐบาล (Intergovernmental Organization)


กฎบัตรอาเซียน ประกอบด้วยข้อบทต่าง ๆ 13 บท 55 ข้อ มีประเด็นใหม่ที่แสดงความก้าวหน้าของอาเซียน ได้แก่
     (1) การจัดตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนของอาเซียน
     (2) 
การให้อำนาจเลขาธิการอาเซียนสอดส่องและรายงานการทำตามความตกลงของรัฐสมาชิก
     (3) 
การจัดตั้งกลไกสำหรับการระงับข้อพิพาทต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิก
     (4) 
การให้ผู้นำเป็น ผู้ตัดสินว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อรัฐผู้ละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรฯ อย่างร้ายแรง
     (5) 
การเปิดช่องให้ใช้วิธีการอื่นในการตัดสินใจได้หากไม่มีฉันทามติ
     (6) 
การส่งเสริมการปรึกษาหารือกันระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อแก้ไขปัญหาที่กระทบต่อผลประโยชน์ร่วม
     (7) 
การเพิ่มบทบาทของประธานอาเซียนเพื่อให้อาเซียนสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้
     (8) 
การเปิดช่องทางให้อาเซียนสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับองค์กรภาคประชาสังคมมากขึ้น และ
     (9) 
การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ให้มีการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งต่อปี จัดตั้งคณะมนตรีเพื่อประสานความร่วมมือในแต่ละ 3 เสาหลัก และการมีคณะกรรมการผู้แทนถาวรประจำอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการประชุมของอาเซียน เป็นต้น

    กฎบัตรอาเซียนมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2551 หลังจากที่ประเทศสมาชิกครบทั้ง 10 ประเทศ ได้ให้สัตยาบันกฎบัตร และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - มีนาคม 2552 ที่จังหวัดเพชรบุรีเป็นการประชุมระดับผู้นำอาเซียนครั้งแรกหลังจากกฎบัตรมีผลบังคับใช้


 ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community)
            ประชาคมอาเซียนประกอบด้วยความร่วมมือ เสาหลัก คือ
         
ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political and Security Community–APSC)
        ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community–AEC)
         ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม (ASEAN Socio-Cultural Community–ASCC)
1. ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน
(ASEAN Political and Security Community – APSC)
           มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค เพื่อให้ประเทศในภูมิภาคอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และสามารถแก้ไขปัญหาและความขัดแย้ง โดยสันติวิธี อาเซียนจึงได้จัดทำแผนงานการจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community Blueprint) โดยเน้นใน ประการ
          1) การมีกฎเกณฑ์และค่านิยมร่วมกัน ครอบคลุมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะร่วมกันทำเพื่อสร้างความเข้าใจในระบบสังคมวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ที่แตกต่างของประเทศสมาชิก ส่งเสริมพัฒนาการทางการเมืองไปในทิศทางเดียวกัน เช่น หลักการประชาธิปไตย การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม การต่อต้านการทจริต การส่งเสริมหลักนิติธรรมและธรรมาภิบาล เป็นต้น
          2) ส่งเสริมความสงบสุขและรับผิดชอบร่วมกันในการรักษาความมั่นคงสำหรับประชาชนที่ครอบคลุมในทุกด้านครอบคลุมความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในรูปแบบเดิม มาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและการระงับข้อพิพาท โดยสันติเพื่อป้องกันสงครามและให้ประเทศสมาชิกอาเซียนอยู่ด้วยกัน โดยสงบสุขและไม่มีความหวาดระแวง และขยายความร่วมมือเพื่อต่อต้านภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เช่น การต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ เช่น ยาเสพติด การค้ามนุษย์ ตลอดจนการเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันและจัดการภัยพิบัติและภัยธรรมชาติ
          3) การมีพลวัตและปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก เพื่อเสริมสร้างบทบาทของอาเซียนในความร่วมมือระดับภูมิภาค เช่น กรอบอาเซียน+กับจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ตลอดจนความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งกับมิตรประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ
2.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
(ASEAN Political-Security Community-AEC)
          มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้อาเซียนมีตลาดและฐานการผลิตเดียวกันและมีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน  เงินทุน และแรงงานมีฝีมืออย่างเสรี อาเซียนได้จัดทำแผนงาน การจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community Blueprint) ซึ่งเป็นแผนงานบูรณาการการดำเนินงานในด้านเศรษฐกิจเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ด้าน คือ
         1) การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว (single market and production base) โดยจะมีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และแรงงานมีฝีมืออย่างเสรี และการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างเสรีมากขึ้น
         2) การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของอาเซียน โดยให้ความสำคัญกับประเด็นนโยบายที่จะช่วยส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ เช่น นโยบายการแข่งขัน การคุ้มครองผู้บริโภค สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายภาษี และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (การเงิน การขนส่ง เทคโนโลยีสารสนเทศ และพลังงาน)
         3) การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเสมอภาค ให้มีการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการเสริมสร้างขีดความสามารถผ่านโครงการต่าง ๆ
         4) การบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลก เน้นการปรับประสานนโยบายเศรษฐกิจของอาเซียนกับประเทศภายนอกภูมิภาคเพื่อให้อาเซียนมีท่าทีร่วมกันอย่างชัดเจน
3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC)
          อาเซียนได้ตั้งเป้าเป็นประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ในปี 2558 โดยมุ่งหวังเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีสังคมที่เอื้ออาทรและแบ่งปัน ประชากรอาเซียนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีและมีการพัฒนาในทุกด้านเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน รวมทั้งส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียน (ASEAN Identity)เพื่อรองรับการเป็นประชาคมสังคม และวัฒนธรรมอาเซียน โดยได้จัดทำแผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community Blueprint)ซึ่งประกอบด้วยความร่วมมือใน ด้าน ได้แก่
      1) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
      2) การคุ้มครองและสวัสดิการสังคม
      3) สิทธิและความยุติธรรมทางสังคม
      4) ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
      5) การสร้างอัตลักษณ์อาเซียน
      6) การลดช่องว่างทางการพัฒนา
     ทั้งนี้โดยมีกลไกการดำเนินงาน ได้แก่ การประชุมรายสาขาระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และระดับรัฐมนตรีและคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน






โครงงาน สืบค้นข้อมูลห้องคอมพิวเตอร์

 เรื่อง ซีดีเกร็ดความรู้ – รียูส Reuse
และ โมบายซีดีความรู้ จากอินเทอร์เน็ต

http://www.olivesoftware.com/wp-content/uploads/2014/04/reuse-your-content.jpg 




ผู้จัดทำโครงงาน
1.ด.ญ.พัชรดา  แซ่หลิว
2.ด.ญ.อาพารัตน์  พิมเสน
3.ด.ญ.จันทกานต์  ทองนุช
4.ด.ญ.พิมพ์ชนก   เกตุจรรยากุล
5.เพื่อนๆชั้นป.3/2

ครูที่ปรึกษาโครงงาน
คุณครูอุษณีย์   นพคุณ

โครงงานนี้เป็นส่วนหนึงของวิชา คอมพิวเตอร์
โรงเรียนวัดอ้อมน้อย (มิตรครูราษฏร์รังสรรค์)
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร





โครงงาน สืบค้นข้อมูลห้องคอมพิวเตอร์
เรื่อง ซีดีเกร็ดความรู้ – รียูส Reuse
และ โมบายซีดีความรู้ จากอินเทอร์เน็ต

 ชื่อ ผู้ทำโครงงาน        1. ด.ญ.พัชรดา  แซ่หลิว
2. ด.ญ.อาพารัตน์  พิมเสน
3. ด.ญ.จันทกานต์  ทองนุช
4. ด.ญ.พิมพ์ชนก   เกตุจรรยากุล
5. เพื่อนๆชั้นป.3/2
ปี การศึกษา 2558          
แนวคิดในการทำโครงงานในครั้งนี้พัฒนามาจากรูปแบบการจดงานสืบค้นข้อมูลซึ่งทำมาต่อเนื่องในปีนี้จึงมีการพัฒนารูปแบบให้น่าสนใจและมีประโยชน์มากขึ้นซึ่งยังคงมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาค้นคว้า โดยการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศ ในปัจจุบันมีความสำคัญเป็นที่แพร่หลายในทุกสถาบันทั้งการศึกษาและทางเศรษฐกิจผู้คนต้องใช้เทคโนโลยี อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในการหาข้อมูลความรู้ต่างๆ ตลอดเวลา และในขณะเดียวกันปริมาณขยะทิ้งจากคอมพิวเตอร์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในปัจจุบันเป็นปัญหาต่อสภาวะแวดล้อม อาทิเช่น เมาส์ แป้นพิมพ์พลาสติกเก่า จอแก้ว กระดาษ เคสเก่า รวมถึงแผ่นซีดี ซึ่งถือเป็น ขยะคอมพิวเตอร์ ถึงแม้จะมีการนำกลับมาใช้ใหม่ด้วยการหลอม และนำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบอื่นๆ ก็เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานและเป็นผลเสียต่อสภาพแวดล้อม ทางผู้จัดทำได้นำความจำเป็นและปัญหานี้มาวิเคราะห์ และมีความคิดริเริ่มที่จะนำความรู้ สาระต่างๆจากอินเตอร์เน็ตมาประยุกต์กับขยะคอมพิวเตอร์โดยใช้การ Reuse ใช้ซ้ำ คือการที่เรานำเอาของที่ยังใช้ได้กลับมาใช้ซ้ำอีกครั้ง หรืออีกหลายๆ ครั้งได้ก็ยิ่งดีๆ วิธีนี้ก็จะช่วยให้ลดการสิ้นเปลืองทรัพยากรและนำมาติดเกร็ดความรู้ถือเป็นการเพิ่มความรู้ เสริมการอ่านและยังช่วยลดปริมาณและการทำลายขยะที่มีอยู่
https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSi0AMVR3F50FrrrIIe3Una-XE23Pde7_MU7JpzGQm0QuEvr_1dbw





2กิตติกรรมประกาศ
               
          โครงงานซีดีเกร็ดความรู้ – รียูส( Reuse) และ โมบายซีดีความรู้ จากอินเทอร์เน็ต  ”     เป็นความร่วมมือของห้องคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน และงานสืบค้น ห้องสมุดโรงเรียนวัดอ้อมน้อย   (มิตรครูราษฏร์รังสรรค์) ครูประจำชั้น คณะครูห้องคอมพิวเตอร์ ตลอดจนนักเรียนสาย ชั้น ป.3 และพี่ๆสายชั้น ป.5 มาเป็นพี่เลี้ยงช่วยสอนและแนะนำและเตรียมตัดกระดาษ หาข้อมูลรวมทั้งน้องที่ตอบแบบสอบถามและช่วยกันทำโครงงานในครั้งนี้

            คณะผู้จัดทำโครงงาน   ซีดีเกร็ดความรู้ – รียูส ( Reuse) และโมบายซีดีความรู้ จากอินเทอร์เน็ต  จึงขอขอบคุณผู้มีส่วนร่วมในการทำโครงงานทุกท่าน ณ ที่นี้อย่างสูง  

http://images.clipartpanda.com/cd-20clipart-cdcase4c.gif
https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTokTOWpZ19OvwiGa1UKVTBbHCgdCQqmK8tDHIm9mrploXr_Old





http://www.environnet.in.th/wp-content/uploads/2012/12/image0034.png










3บทนำ
ที่มาและความสำคัญของเรื่อง

                ที่มาของโครงงานสิ่งประดิษฐ์นี้มาจาก แนวคิดการนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดปริมาณขยะคอมพิวเตอร์และการรวบรวมเกร็ดความรู้จากการสืบค้นข้อมูลที่มีประโยชน์ และจุดประสงค์เพื่อการศึกษาค้นคว้า โดยการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศ ในปัจจุบันมีความสำคัญเป็นที่แพร่หลายในทุกสถาบันทั้งการศึกษาและทางเศรษฐกิจผู้คนต้องใช้เทคโนโลยี อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในการหาข้อมูลความรู้ต่างๆ ตลอดเวลา และในขณะเดียวกันปริมาณขยะทิ้งจากคอมพิวเตอร์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในปัจจุบันเป็นปัญหาต่อสภาวะแวดล้อม อาทิเช่น เมาส์ แป้นพิมพ์พลาสติกเก่า จอแก้ว กระดาษ เคสเก่า รวมถึงแผ่นซีดี ซึ่งถือเป็น ขยะคอมพิวเตอร์ ถึงแม้จะมีการนำกลับมาใช้ใหม่ด้วยการหลอม และนำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบอื่นๆ ก็เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานและเป็นผลเสียต่อสภาพแวดล้อม ทางผู้จัดทำได้นำความจำเป็นและปัญหานี้มาวิเคราะห์ และมีความคิดริเริ่มที่จะนำความรู้ สาระต่างๆจากอินเตอร์เน็ตมาประยุกต์กับขยะคอมพิวเตอร์ให้เป็นการเพิ่มความรู้ เสริมการอ่านและยังช่วยลดปริมาณและการทำลายขยะที่มีอยู่ จึงทำให้เกิดเป็นโครงงานสิ่งประดิษฐ์จากขยะคอมพิวเตอร์ โดยการจัดทำชิ้นงานจากแผ่นซีดีที่ไม่ใช้แล้ว มาทำเป็นชิ้นงานชื่อว่า     ซีดีเกร็ดความรู้ – รียูส ( Reuse) และโมบายซีดีความรู้ จากอินเทอร์เน็ต    
 ผู้จัดทำโครงงานมีความคิดที่จะนำซีดีที่ไม่ใช้แล้วมาทำให้เป็นชิ้นงานแหล่งเสริมความรู้ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง รวมทั้งสร้างจิตสำนึกรักษาสภาพแวดล้อมที่มีอยู่ของตนให้ยั่งยืน ลดการใช้พลังงาน และลดภาวะโลกร้อนในปัจจุบันและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อีกด้วย
   
ความมุ่งหมายของการประดิษฐ์
                จุดมุ่งหมายในการจัดทำโครงงานโมบายซีดีความรู้จากอินเทอร์เน็ตและนิทานซีดี –รีไซเคิล      เพื่อนำสิ่งของที่ใช้แล้ว มาทำการประยุกต์ใหม่ เพื่อให้มีคุณค่า ในด้านเสริมความรู้จากอินเทอร์เน็ต และพัฒนาการอ่าน  ให้และมีความน่าสนใจมากขึ้น และยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง นอกจากจะเป็น
การลดปริมาณขยะคอมพิวเตอร์ได้แล้ว ยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

 
ระยะเวลาในการดำเนินงาน             โครงงานต่อเนื่องจาก ปี 2557  - ปัจจุบัน



4
 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
            ซีดีเก่า คือ ซีดีหนังที่เล่นไม่ได้ ทิ้งที่ไม่ใช้ เรียกว่า
“ ขยะคอมพิวเตอร์ ”
            เสิร์จหาข้อมูลทางเน็ตคือ การสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ข่าวสาร สาระ เกร็ดความรู้
            นิทานหน้าเดียว นิทานสอนใจ นิทานเด็กสั้นๆ นิทานก่อนนอน
            โมบาย คือ เครื่องแขวน เครื่องประดับ โดยการใช้ ของตกแต่งมาผูกต่อเป็นสาย
            หลักการในการ โมบายซีดีความรู้จากอินเทอร์เน็ตและนิทานซีดี –รีไซเคิล  ด้วยการนำแผ่นซีดีที่ไม่ใช้แล้ว มาประดิษฐ์เป็นโมบาย  ด้วยวิธีการง่ายๆ คือ ก่อนอื่นค้นหาข้อมูลที่น่าสนใจ เกร็ดความรู้ต่าง ข่าวสั้นๆ มาตัดหรือคัดลอกด้วยลายมือตัวบรรจง และตกแต่งด้วยสี และนำแผ่นซีดีที่ไม่ใช้แล้ว มาผูกต่อกันด้วยเชือกปอชุบสี หรือด้ายไหมพรม 2 ทบ ผูกติดกัน 4-5 แผ่นซีดี และนำสาระหรือความรู้ที่เราค้นหาและตกแต่งแล้วมาติดให้เมแผ่นซีดีแล้วตกแต่งเพิ่มเติมตามแบบที่เราชอบ อาจจะใช้กาว หรืออุปกรณ์อื่นๆติด ส่วนนิทานทำแบบเดียวกันแต่ไม่ต้องใช้เชือกผูกให้ติดแผ่นละ 1 เรื่องนิทานและตกแต่งตามชอบ
            นอกจากทำแบบโมบายแล้วยัง ทำเป็นแผ่นนิทานซีดี รีไซเคิลโดยการนำนิทานสั้นๆมาติดลงที่แผ่นซีดีเก่าและระบายสีตกแต่งให้สวยงาม และยังนำมาทำเป็นแผ่นซีดีความรู้หน้าเดียวด้วยการนำข่าวสารเกร็ดความรู้ สูตรเลข บันทึกความจำ สูตรคูณ มาตราตัวสะกด คำกลอนสอนใจมาติดและตกแต่งให้น่าสนใจสวยงามได้อีก
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ขยะคอมพิวเตอร์
http://image.dek-d.com/contentimg/2013/mint/Education/June/fb.jpg










5วัสดุและอุปกรณ์
   วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการประดิษฐ์
1. แผ่นซีดีเก่า หรือที่ไม่ใช้แล้ว
2. ปืนยิงกาวไฟฟ้า
3. กาวแท่ง (ใช้กับปืนยิงกาวไฟฟ้า)
4. เชือก
5. สีไม้ สีอื่นๆ
6. นิทานต่างๆ
7. ข่าว สาระความรู้ จากอินเทอร์เน็ต ตัดพอดีกับแผ่นซีดี
8. กรรไกร คัตเตอร์
ขั้นตอนการประดิษฐ์
โมบายซีดีความรู้จากอินเทอร์เน็ตและนิทานซีดี –รีไซเคิล
1. ให้ค้นหาข้อมูล ข่าวสาร สาระความรู้ หรือ นิทาน คัดลอกด้วยมือ หรือปริ้นส์จากเครื่องมาตัดและตกแต่ง เพื่อรอติดข่าวสาร สาระความรู้ หรือนิทานกับแผ่นซีดี
2. และเราจะทำการประดิษฐ์ ด้วยการนำแผ่นซีดีที่  เตรียมไว้ มาผูกเชือกทั้งหมด 4 – 5 ชิ้นและต้องมีความสูงเท่ากันทุกชิ้น
3. นำข่าวสาร สาระความรู้ หรือนิทานที่เสิร์จและตกแต่งระบายสีไว้แล้วมาติดกับแผ่นซีดี  ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
ผลงานโครงงาน
โมบายจากซีดีและแผ่นนิทาน แผ่นความรู้จากอินเทอร์เน็ตฝีมือนักเรียน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ cd






6  สรุปผลการดำเนินงาน
                สรุปผลการดำเนินโครงงานสิ่งประดิษฐ์ โมบายซีดีความรู้จากอินเทอร์เน็ตและนิทานซีดี –รีไซเคิลในครั้งนี้ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพียง 150 บาท เพราะเป็นการประดิษฐ์จากวัสดุเหลือรวมถึงอุปกรณ์บางส่วนนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วภายในบ้าน จึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายซื้ออุปกรณ์มากนัก
   
ประโยชน์ที่ได้รับจากการจัดทำโครงงาน
1. ได้รับความรู้เพิ่มเติมจากการใช้อินเทอร์เน็ต การเสิร์จหาข้อมูลที่ถูกวิธี
2. นำเสนอผลงานค้นคว้าหาข้อมูลและการเก็บข้อมูลผ่านโมบายที่สะดุดตา
3. สามารถนำวัสดุเหลือกลับมาใช้ประโยชน์ได้ใหม่ และยังเป็นการช่วยลดปริมาณขยะคอมพิวเตอร์
4. ส่งเสริมการเรียนรู้ส่งเสริมการอ่าน และสามารถใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
5. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการปริ้นส์งาน หากไม่มี เครื่องปริ้นส์ สามารถจก หรือ ตัดจากนสพ.ก็ได้
 
 ข้อเสนอแนะ
                หากมีผู้ที่เห็นถึงประโยชน์ของวัสดุเหลือใช้ อยากนำวัสดุเหลือใช้นั้นมาต่อยอดบูรณาการกับสาระอื่นได้มากมาย หรือจะนำไปประยุกต์ใช้กับวัสดุเหลือใช้ประเภทอื่น ก็ล้วนมีประโยชน์ในทุกๆด้าน ทั้งเป็นการลดปริมาณขยะไม่ทำลายให้สิ่งแวดล้อมอีกด้วย ทำให้เราได้ใช้ความคิด มีความคิดที่สร้างสรรค์ ได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า
               
โมบายซีดีกับการบูรณาการ

ศิลปะ                                     สี เส้น
วิทยาศาสตร์                          ความสมดุลของซีดี จุดหมุน                                                            
ภาษาไทย                              การอ่าน การย่อความ การเขียน
อังกฤษ                                   การเขียน อ่าน จากอินเทอร์เน็ต
คณิตศาสตร์                          การคะเน  การวัดระยะ  การเปรียบเทียบ
กพอ.                                      ขั้นตอนการประดิษฐ์ตกแต่ง การประดิษฐ์ของเหลือใช้
สุขศึกษา                                การระมัดระวังการใช้สิ่งมีคม การจัดการขยะคอมพิวเตอร์

สังคมศึกษา                           การแบ่งงาน การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม เศรษฐกิจพอเพียง

โพสต์ล่าสุดที่ขอแนะนำ

รอบรู้อาเซียน ตอน อาหารอร่อย น่าลอง

อาหารยอดนิยมของประเทศสมาชิกอาเซียน National Dishes of ASEAN      ภูมิปัญญาด้านการทำอาหารของชาวอาเซียนไม่แพ้ภูมิภาคใดในโลก อาหารชนิด...